3. The sun’s role
เมื่อเราพิจารณาถึงอิทธิพลของดวงอาทิตย์ในแง่ของแรงดึงดูดระหว่างมวลที่มีต่อโลกก็จะพบว่ามันจะมีผลเช่นเดียวกันกับในกรณีของระบบโลกและดวงจันทร์
(earth-moon system) โดยดวงอาทิตย์จะมีมวลมากกว่าดวงจันทร์ 27 ล้านเท่า
แต่ดวงจันทร์จะอยู่ใกล้กับโลกมากกว่าดวงอาทิตย์เป็นระยะทางถึง 387 ล้านเท่า ดังนั้นจากสมการของแรงดึงดูดระหว่างมวลดังที่กล่าวไว้ในหัวข้อ 9.1
จะพบว่าแรงดึงดูดระหว่างมวลที่มีอิทธิพลจากดวงอาทิตย์จะเป็นครึ่งหนึ่ง
ของแรงดึงดูดระหว่างมวลของดวงจันทร์ที่มีต่อโลก ดังนั้นน้ำในมหาสมุทรก็จะเกิด bulge
ที่มีสาเหตุมาจากผลของแรงดึงดูดระหว่างมวลและแรงหนีศูนย์กลางระหว่างดวงอาทิตย์และโลกได้เช่นเดียวกันซึ่งจะเรียกว่าน้ำขึ้นน้ำลงแบบนี้ว่า
solar tides
และเช่นเดียวกันกับดวงจันทร์ โลกไม่ได้โคจรรอบดวงอาทิตย์ในแนวเส้นศูนย์สูตรแต่จะโคจรอยู่ในแนวระหว่างเส้นละติจูดที่ 23.5 องศาเหนือและใต้ ดังนั้นตำแหน่งของ bulge ที่เกิดขึ้นก็จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว และเนื่องจากโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบใช้เวลา 1 ปีดังนั้นเวลาของการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงในรอบวันจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำขึ้นน้ำลงที่มีอิทธิพลมาจากดวงจันทร์
และเช่นเดียวกันกับดวงจันทร์ โลกไม่ได้โคจรรอบดวงอาทิตย์ในแนวเส้นศูนย์สูตรแต่จะโคจรอยู่ในแนวระหว่างเส้นละติจูดที่ 23.5 องศาเหนือและใต้ ดังนั้นตำแหน่งของ bulge ที่เกิดขึ้นก็จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว และเนื่องจากโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ครบ 1 รอบใช้เวลา 1 ปีดังนั้นเวลาของการเกิดน้ำขึ้นน้ำลงในรอบวันจะมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับน้ำขึ้นน้ำลงที่มีอิทธิพลมาจากดวงจันทร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น