4. อากาศและภูมิอากาศ
อากาศ (weather) คือ
สภาวะของบรรยากาศ ณ พื้นที่ และเวลาใด ๆ ส่วนภูมิอากาศ (climate) คือ ลักษณะอากาศโดยรวม ณ พื้นที่ใด ๆ ทั้งอากาศและภูมิอากาศต่างก็เกิดจาก
อิทธิพลของรังสีจากดวงอาทิตย์ที่ส่องกระทบพื้นทวีป หรือน้ำในมหาสมุทรซึ่งความเข้มแสงหรือ
ปริมาณรังสีจากดวงอาทิตย์นี้จะเปลี่ยนไปตาม
ลักษณะทางภูมิศาสตร์และสภาวะทางชีววิทยา หรือ ปัจจัยอื่น ๆ
ตามธรรมชาติโลกจะเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศากับแกนกลาง (ภาพที่ 6.6) ดังนั้นบริเวณละติจูด สูง ๆ คือที่ เส้น 66.5 องศาเหนือ (Arctic Circle) และ 66.5 องศาใต้ (Antarctic Circle) จะได้รับแสงในปริมาณตรงกันข้ามกัน คือในช่วงที่ซีกโลกใต้เอียงเข้าหาดวง อาทิตย์ ส่วนที่จะได้รับแสงอาทิตย์เป็น ระยะเวลานาน ในขณะที่ซีกโลกเหนือจะไม่ได้รับแสง อาทิตย์โดยตรงจึงมีช่วงเวลาที่มืดยาวนาน ส่วนในช่วงที่ซีกโลกเหนือเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ การได้รับแสงจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม และบริเวณ พื้นผิวที่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงคือ พื้นที่ระหว่างเส้น 23.5 องศาเหนือและใต้ (Tropic of Cancer และ Tropic of Capricorn) ความแตกต่างดังกล่าวก่อให้เกิดฤดูกาลขึ้น โดยผิวด้านใด(ซีกโลกเหนือหรือใต้) ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดจะเป็นฤดูร้อนในขณะที่ซีกโลกตรงข้ามจะเป็นฤดูหนาว
ตามธรรมชาติโลกจะเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศากับแกนกลาง (ภาพที่ 6.6) ดังนั้นบริเวณละติจูด สูง ๆ คือที่ เส้น 66.5 องศาเหนือ (Arctic Circle) และ 66.5 องศาใต้ (Antarctic Circle) จะได้รับแสงในปริมาณตรงกันข้ามกัน คือในช่วงที่ซีกโลกใต้เอียงเข้าหาดวง อาทิตย์ ส่วนที่จะได้รับแสงอาทิตย์เป็น ระยะเวลานาน ในขณะที่ซีกโลกเหนือจะไม่ได้รับแสง อาทิตย์โดยตรงจึงมีช่วงเวลาที่มืดยาวนาน ส่วนในช่วงที่ซีกโลกเหนือเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ การได้รับแสงจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม และบริเวณ พื้นผิวที่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรงคือ พื้นที่ระหว่างเส้น 23.5 องศาเหนือและใต้ (Tropic of Cancer และ Tropic of Capricorn) ความแตกต่างดังกล่าวก่อให้เกิดฤดูกาลขึ้น โดยผิวด้านใด(ซีกโลกเหนือหรือใต้) ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดจะเป็นฤดูร้อนในขณะที่ซีกโลกตรงข้ามจะเป็นฤดูหนาว
ภาพที่ 6.6 ตำแหน่งของโลก ณ.จุดต่างๆในรอบปี
เนื่องจากโลกเอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศาทำให้พื้นผิวแต่ละส่วนได้รับแสงอาทิตย์แตกต่างกันไป
ทำให้เกิดฤดูกาล
ที่มา: Garrison (2007)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น