5. อัตราการตกตะกอน
การหาความหนาของชั้นตะกอนและอัตราการตกตะกอนจะนำไปสู่การทำนายอายุของแอ่งมหาสมุทรที่ตะกอนทับถมกันอยู่ได้
แต่เดิมเชื่อกันว่าตะกอนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่กว่า 5 x 10-5 เซนติเมตร
จะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 100 ปีในการจมตัวลงสู่พื้นมหาสมุทรที่มีความลึก
3,000 เมตร ส่วนตะกอนที่มีขนาดเล็กกว่า 1 x 10-5 เซนติเมตร จะต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 7,800-8,000 ปี
แต่เมื่อพิจารณาในสภาพที่เป็นจริงจะพบว่าจะใช้เวลา 200-600 ปีเท่านั้น
เหตุผลที่ใช้เวลาสั้นกว่าที่ประมาณ ไว้มากก็คือ ตะกอนจะมีคุณสมบัติดึงดูดกันเอง (cohesive)
เพื่อจับตัวกันเป็นก้อนที่โตขึ้น (flocculation) เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นมันจึงจมตัวลงสู่พื้นมหาสมุทรได้เร็วขึ้น
บริเวณที่เป็นไหล่ทวีปการตกตะกอนจะเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว คือประมาณ 10-500
เซนติเมตรต่อเวลา 1,000 ปี
โดยทั่วไปอัตราการตกตะกอนของมหาสมุทรโดยเฉลี่ยประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเวลา
1,000 ปี ความหนาของตะกอนที่สะสมอยู่บนพื้น
มหาสมุทรจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละมหาสมุทร
และต่างกันไปในแต่ละบริเวณแม้จะอยู่ในมหาสมุทรเดียวกัน
บริเวณสันเขากลางมหาสมุทรจะมีตะกอนน้อย (ภาพที่ 4.4) และจะค่อย
ๆ เพิ่มมากขึ้นเมื่อห่างจากแนวสันเขาออกไป
ภาพที่ 4.4 บริเวณ Mid- Atlantic Ridge จะเห็นตะกอนสะสมกันอยู่อย่างเบาบาง
ที่มา Garrison (2007)
ที่มา Garrison (2007)
ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะกอนที่อยู่บนพื้นมหาสมุทรจะเกาะกันอย่างหลวม ๆ มีความหนาเฉลี่ย 600 เมตร ส่วนมหาสมุทรแอตแลนติคตะกอนจะมีความหนาเฉลี่ย 500-1,000 เมตร (ภาพที่ 4.5) ยกเว้นบริเวณที่เป็นหุบเหวลึก (trench) เช่น Perto-Rico trench จะมีตะกอนที่สะสมอยู่มีความหนาประมาณ 9,000 เมตร โดยทั่วไปจะถือ ว่าตะกอนในมหาสมุทรจะเกาะกันอย่างหลวม ๆ จึงมีน้ำแทรกอยู่ระหว่างตะกอนในปริมาณมาก
ภาพที่ 4.5 ตะกอนที่สะสมอยู่บริเวณพื้นท้องทะเลใน tranquil
continental rise มหาสมุทรแอตแลนติค
ทางด้านตะวันตกของทะเลทรายซาฮาร่า ซึ่งเป็นบริเวณคลื่นลมสงบ
มีความหนาของชั้นตะกอนประมาณ 200 เมตร
ที่มา Garrison (2007)
ที่มา Garrison (2007)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น